ธีมลงทุน มาแรง ของบทความนี้จะมามองทิศทางในการปรับพอร์ต เกี่ยวกับธีมการลงทุนในปีนี้ โดยจะมาแนะนำธีมลงทุนของสายเทคโนโลยีทีที่กำลังมาตั้งแต่ปี 2023 และดัชนีของประเทศที่มีแนวโน้มว่ากำลังมาแรงหลังเดือนนี้ไป ให้เลือก ลงทุน ธีมเทคโนโลยี ในกองทุนต่างๆ รอไว้ได้เลย
ผู้นำของหุ้นธีมเทคโนโลยีในตอนนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นการมาของ AI และการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ รถไฟฟ้า และอีกหลายอย่าง ซึ่งก็เติบโตอย่างเห็นได้ชัดจากการถูกกล่าวถึง การใช้งาน แถมยังใช้ได้อย่ามีประสิทธิภาพ และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งหุ้นเหล่านี้ก็จัดเป็นหุ้นประเภทเติบโตสูง หรือ growth stock โดยก็มีหุ้นต่างๆ ในธีมดังนี้
ที่มา: 8 หุ้นเทคโนโลยีที่น่าสนใจในปี 2023 [1]
หุ้น 7 ตัวที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และที่เป็นตัวดึงกราฟดัชนี ในหุ้นสหรัฐอเมริกา ที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงกว่าตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก โดย 7 ตัวนี้มีน้ำหนักต่อ S&P500 ถึง 27% และ Nasdaq 100 สูงถึง 55% ซึ่งคำว่า “The Magnificent Seven” ก็ เพิ่งถูกหยิบมาพูดถึงในปีที่แล้วนี่เอง [2] และก็มีหุ้นต่างๆ ดังต่อไปนี้
ที่มา: รู้จัก The Magnificent Seven 7 หุ้นเทพที่กำลังครองโลก [2]
ธีมเทคโนโลยีนี้เป็นธีมที่มาแรงอย่างมากจาก OpenAI และ AI ที่ใช้สร้างผลงานทางศิลปะได้ โดยตัว ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นสาขาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ให้เรียนรู้ การสร้าง และการจดจำภาพ จากฐานข้อมูลต่างๆ และด้วยการจดจำและมีการประมวลผลที่สุดยอด จึงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
อย่างการนำไปการคว้าแชมป์ในการแข่งขันหมากรุกโลกได้ แก้ปัญหาที่ซับซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ หรือจะนำไปใช้ตัดสินใจอย่างชาญฉลาด เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากได้เร็วกว่ามนุษย์ [3]
มาถึงในส่วนของธีมการลงทุนของสาย ดัชนีรวมของแต่ละประเทศ ซึ่งตั้งแต่ช่วงปี 2023 มาถึงปีนี้ อเมริกาถือเป็นประเทศที่ดัชนีทำรายได้สูงมากและโดดเด่นมากที่สุด แต่หากพูดถึงการลงทุนแล้ว การลงเงินไปกับประเทศที่กำลังจะฟื้นตัวกลับมาจากจุดต่ำสุดย่อมทำกำไรได้ดีกว่ามาก โดยบทความนี้จึงมาแนะนำ 2 ประเทศที่กำลังจะมาในปี 2024 นี้
ด้วยดัชนีในประเทศนี้ MSCI China Index ที่ปรับตัวลดลงไปถึง 26% ของช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาจนเกิดกระแสเทขายหุ้นจีนไปเข้าเวียดนามกับอินเดีย โดยการมาของจีนในปีนี้กลับทำได้ดีในการเริ่มแก้ไขปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ และมีสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัว และหากความขัดแย้งกับสหรัฐลดระดับลงมา ก็จะเรียกนักลงทุนกลับมาได้ [4]
จากต้นปีนี้ที่ประเทศนี้แสดงความสามารถด้านเศรษฐกิจอีกครั้ง ด้วยการที่ ดัชนี Nikkei 225 ทำผลงานบวกไปถึง 33% และยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง บวกกับนโยบายผ่อนคลายการเงิน ที่ทำให้หลายๆ บริษัทปรับค่าจ้างพนักงาน เป็นแรงส่งของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องระวังก็ยังคงเป็นการกลับลำของนโยบายการเงินที่จะเปลี่ยนไปเป็นเข้มงวด และอาจทำให้เงินเยนแข็งค่าจนกระทบกับแนวโน้มกำไรของบริษัทต่างๆ ได้ [4]
ติดตาม 4 ธีมการลงทุนที่น่าสนใจ ความหมาย หรือรายละเอียดในแต่ละธีมว่ามีสัดส่วนรายได้ ขนาดรายได้ หรือมีโอกาสเติบโตไปมากขนาดไหน พร้อมแยกตามประเภทของหุ้นตามความถนัดของผู้ลงทุนเพื่อการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือต้องมองว่าอะไรคือความเสี่ยง และไม่ควรให้พอร์ตกระจุกอยู่ในธีมใดธีมหนึ่งมากเกินด้วย