ลงทุน เซมิคอนดักเตอร์ ทราบที่มา และความสำคัญ 

ลงทุน เซมิคอนดักเตอร์

ลงทุน เซมิคอนดักเตอร์ Semiconductor [1] สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีปัจจุบัน และในอนาคต อย่างชิป Chip การมี Semiconductor เยอะๆ ก็เป็นการผลักดันให้ประเทศนั้นเติบโตขึ้นได้อย่างมาก โดยสิ่งนี้มีมานานและพัฒนารูปแบบมาเรื่อยๆ ให้มีความเล็กลง แต่สำคัญมากขึ้น บทความนี้จึงมาดูพัฒนาการของเจ้าสิ่งนี้ตั้งแต่อดีตถึงบริษัทใหญ่ๆ ในปัจจุบัน พร้อมแนะนำกองทุนน่าลงทุนด้วย

รู้จักความเป็นมาก่อนไป ลงทุน เซมิคอนดักเตอร์

อุตสาหกรรม Semiconductor ที่มีมาเพื่อใช้คำนวณแทนมนุษย์ (นักคำนวณ) ในอดีต มาถึงตัวช่วยในการพัฒนายุทโธปกรณ์ มาจนถึงเทคโนโลยีที่เข้าถึงคนได้ทั้งหมด อย่างมือถือ และคอมพิวเตอร์ต่างๆ หัวข้อนี้จึงเป็นการพูดถึง วิวัฒนาการของ อุตสาหกรรม Semiconductor ว่าในแต่ละเวอร์ชันมันผลิตมาเพื่ออะไรบ้าง

  • เครื่องคิดเลขไฟฟ้าเครื่องแรก Relay เป็นวงจรบวกเลขง่ายๆ ที่อาจใช้เวลานานในการให้แผ่นเหล็ก Relay เคาะกันไปมา แต่ก็ยังเร็วกว่ามนุษย์อยู่ดี อีกปัญหาหนึ่งของเครื่องนี้ด้วยการที่ใช้แผ่นเหล็กเคาะกันไปมามันจึงเป็น physical contact ทำให้มันเกิดการเสื่อมสึก และต้องเปลี่ยนบ่อยๆ และมีเสียงที่ดัง
  • เครื่องคำนวณต่อมาเรียกว่าหลอดสุญญากาศ ENIAC ใช้คำนวณเลขฐานสอง โดยจะเป็นการคำนวณโดยคลื่นไฟฟ้าในหลอดสุญญากาศ ซึ่งก็ทำให้เร็วขึ้นมาก เพราะสามารถคุมตัวจ่ายไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องรอการเคาะขึ้นลง สิ่งนี้ยังเอาไปใช้ในการทหาร เพื่อคำนวณความเร็วของเครื่องบินให้ AA (Anti air) ให้มีความแม่นขึ้นจากที่ต้องใช้กระสุน 9000 นัด เหลือ 80-200 นัด
  • เครื่องต่อมาอัปเกรดมาด้วยหลักการเดียวกันเรียกว่า Transistor โดยใช้แร่ Silicon และ Germanium ที่ความคุ้มไฟฟ้าได้ ไม่เสียง่าย และด้วยความที่มีขนาดเล็กกว่ามากจึงไม่กินไฟด้วย สิ่งนี้ก็นำไปพัฒนายุทโธปกรณ์ทางทหาร อย่างหัวรบแบบ Laser guide และนำไปพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงได้ไปอีก 
  • จนมาในปี 1960s ยุคที่เป็นจุดเปลี่ยนมาถึงทุกวันนี้ ที่สามารถลดขนาดของ Transistor และเพิ่มจำนวน Transistor บนชิปได้มากยิ่งขึ้นให้พลังการคำนวณทรงประสิทธิภาพ จากนั้นมาชิปจึงมีขนาดเล็กลง กินพลังงานน้อยลง แต่มีประสิทธิภาพ และต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย 

ที่มา : ตำนาน Transistor [2]

 แนะนำ บริษัท Semiconductor ระดับโลก

ในปัจจุบันก็มีหลายบริษัทที่พัฒนาเกี่ยวกับ Semiconductor เพื่อการประมวลผลให้เร็วขึ้นเรื่อย ซึ่งก็นำไปคำนวณทั้งกราฟิก ประมวลผลของ AI ต่างๆ ไปจนถึงการแก้สมการได้ต่อเนื่องอย่างการขุด Bitcoin ซึ่งแต่ละบริษัทจึงมีการพัฒนาในจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน อย่างชิปมือถือ ชิปคอมพิวเตอร์ การ์ดจอ และอีกมากมาย นี่ก็คือบริษัทชั้นนำระดับโลกที่รันวงการเซมิคอนดักเตอร์

TSMC

บริษัทจากไต้หวันที่เป็น Supply ใหญ่ๆ ของชิปมือถือที่ไปอยู่ในมือถือส่วนใหญ่ของโลก อย่าง Apple ก็มาจ้าง TSMC ผลิตชิปด้วย ซึ่งทาง TSMC ก็สามารถพัฒนาชิปให้มีขนาดที่เล็กลง และเร็วขึ้นได้ทุกๆ 2 ปี อย่าง 2018 ขนาด 7 nm 2020 เหลือ 5 nm ถัดมาในปี 2021 สามารถผลิต 4nm โดยมีผลประกอบการดังนี้

  • Market Cap. มีมากถึง 15.27 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน
  • รายได้ล่าสุดในปี 2023 อยู่ที่ 2.26 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน (+42.61%)
  • โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 1.02 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์ไต้หวัน

Apple

อุปกรณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของคนส่วนมากของโลก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของสมาร์ตโฟนที่ล้ำหน้ามากที่สุดแล้ว ซึ่งในอุปกรณ์พวกชิป Apple ยังไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง จึงต้องมีการออกแบบผลิตภัณฑ์แล้วส่งแปลนให้ TSMC ที่ไต้หวันผลิตให้ โดยรายได้ในปีก่อนก็ค่อนข้างดีแต่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ในสายตานักลงทุน 

  • Market Cap. 2.91 ล้านล้านดอลลาร์
  • รายได้ล่าสุดจำนวน 394,330 ล้านเหรียญ (+7.79%)
  • มีกำไร สุทธิ 99,800 ล้านเหรียญ

Nvidia

บริษัทที่เป็นที่รู้จักกันแน่นอนสำหรับเกมเมอร์ และนักขุด Crypto ทั้งหลาย บริษัทที่ทำชิปประมวลผลสำหรับกราฟิก GPU และชิปประมวลผลสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตด้วย ซึ่งล่าสุดก็กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญไปแล้ว และยังเป็นบริษัทที่ดึงกราฟ S&p500 ให้สูงขึ้นมากตั้งแต่ต้นปี 2023 ซึ่งผลประกอบการที่ผ่านมาตั้งแต่ 2022 และเริ่มสูงขึ้นแล้วใน 2023 ถึงตอนนี้หลังจาก BTC มีการปรับตัวขึ้น

  • Market Cap. อยู่ที่ 1.05 ล้านล้านดอลลาร์
  • รายได้ 26,970 ล้านเหรียญ (+0.22%)
  • กำไรสุทธิ 4,370 พันล้านเหรียญ

ที่มา : เจาะโอกาสการลงทุน Semiconductor ฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่ขับเคลื่อนโลก [3]

3 กองทุนเซมิคอนดักเตอร์มาแรง

ทั้งนี้ในการที่บริษัทพวกนี้จะเติบโต ในอนาคต เราก็สามารถเลือกที่จะเติบโตไปด้วยได้ โดยการซื้อหุ้น ของบริษัทนั้นๆ แต่การซื้อหุ้นรายตัวก็อาจมีความเสี่ยง จึงมีการจัดตั้งกองทุนที่เลือกลงทุนให้เราได้ และยังลงทุนในหลายๆ ตัวเพื่อกระจายความเสี่ยง แถมไม่ต้องมานั่งดูกราฟเอง โดยหัวข้อนี้ก็จะมาแนะนำกองทุนมาแรง 3 ตัวที่ลงทุนใน Theme ลงทุน เซมิคอนดักเตอร์

  • SCBSEMI กองทุนรวมแบบ Passive ลงทุนขึ้นต่ำที่ 1000 บาท มีค่าธรรมเนียมที่ 1.16% ลงทุนในบริษัทที่มีรายได้จากการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ในสัดส่วน 50% อย่างหุ้น Nvidia 11.64%, ASML11.53% กับ TSMC 9.21% 
  • WE-EVOSEMI กองทุนรวม Active ลงทุนขึ้นต่ำที่ 5000 บาท ครั้งต่อไป 1 บาท โดยมีค่าธรรมเนียม 1.41% เป็นกองทุนที่ลงทุนในดัชนีที่ใช้หลักการลงทุนต่างๆ ในสไตล์ Active อย่างการดูโมเมนตัมราคา แนวโน้มกำไร ปัจจัยต่างๆ การบริหารจัดการ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ได้ล้อไปตามตลาดอย่างกองทุน Passive fund
  • F{LHSEMICON}กองทุนรวมแบบ Passive ลงทุนขึ้นต่ำที่ 1000 บาท และมีค่าธรรมเนียมที่ 1.36% ลงทุนในหุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่ทำกำไรสูงสุดในสหรัฐ 30 อันดับแรก Texas instrument 8.61% Intel 8.26% และ Broadcom 7.74% เป็นต้น

ที่มา : รีวิวกองทุน SCBSEMI, WE-EVOSEMI, และ LHSEMICON: ลงทุนในแก่นแท้ของโลกยุคใหม่ [4]

สรุป ลงทุน เซมิคอนดักเตอร์ ชิปตัวจิ๋วที่ขับเคลื่อนโลก

ลงทุน เซมิคอนดักเตอร์

การพัฒนาชิปหรืออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตไปอีกในอนาคต ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งในการที่เราจะเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีนี้ ที่จะเล็กลง ลดความร้อนและมีประสิทธิภาพสูงสุดทะลุเพดานศักยภาพไปเรื่อยๆ ซึ่งจะซื้อหุ้นรายตัวอย่าง Apple, Nvidia หรืออะไรก็ได้ หรือจะเป็นกองทุนที่มีคนบริการจัดการการลงทุนให้ แถมใช้เงินที่น้อยกว่าด้วย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง