อีเธอเรียม คลาสสิก บล็อคเชนตัวเก่าที่มั่นคงในระบบดั่งเดิม

อีเธอเรียม คลาสสิก

อีเธอเรียม คลาสสิก (Ethereum Classic) บล็อกเชนดั้งเดิมที่เคยเป็นหนึ่งเดียวกับเหรียญอันดับสองของโลกอย่างอีเธอเรียม โดยมีการทำงานแบบดั้งเดิม ให้ระบบดำเนินการต่อไปด้วยโปรโตคอลเดิมของมัน และดำเนินตาม Roadmap แผนเดิมโดยไม่คำนึงถึงการแฮ็กที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้น อย่างในกรณีของ DAO บทความนี้จึงพูดถึงความเป็นมา และความน่าสนใจของเชนนี้

ประวัติอีเธอเรียม คลาสสิก ทำไมถึงได้ถูกคิดค้นขึ้นมา

ต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 2016 ที่มีข่าวดังจากการมีแฮกเกอร์มือดี พบช่องว่างในระบบของสัญญาอัจฉริยะ และเข้าโจมตี The DAO ทำให้นักลงทุนเสียเงินรวมกันกว่า 50 ล้านดอลลาร์ นักลงทุนจำนวนมากรวมถึงเจ้าของ Ethereum ก็ได้เสนอทางออกคือการย้อนกลับเครือข่ายไปก่อนที่จะมีการแฮ็ก เหตุการณ์นี้จึงทำให้เกิดเสียงแตกออกมาเป็น 2 ส่วน ที่เห็นด้วยและขัดแย้ง

จึงทำให้มีการโหวตขึ้นมา และผลก็ออกมาว่า 97% โหวตให้คืนเงินทุนที่เสียไปด้วยการ hard fork มันจึงทำให้เครือข่ายสูญเสียกำลังซื้อไปถึง 97% ไปสร้างเป็นเชนใหม่ ที่อยู่อันดับสองจนทุกวันนี้ โดยเป็นเครือข่ายใหม่ที่ทำให้การแฮ็กไม่เคยเกิดขึ้นใช้ชื่อว่า Ethereum ส่วนเครือข่ายนี้ที่การแฮ็กยังคงอยู่ใช้ชื่อว่าอีเธอเรียมคลาสสิก และมีโทเคนที่ใช้ในระบบชื่อว่า ETC [1]

อีเธอเรียม คลาสสิก เชนนี้มีการทำงานอย่างไร

โดยเชนนี้มีการทำงานที่ค่อนข้างคล้ายกับอีเธอเรียมใหม่ ไม่เพียงแต่ออกแบบมาเพื่อแทนที่การชำระเงินเท่านั้น แต่ยังเป็น เหรียญ สมาร์ทคอนแทกต์ หรือมีการสร้างสัญญาอัจฉริยะที่ผู้ใช้สามารถเป็นเจ้าของ โอนความเป็นเจ้าของ ได้ด้วย การอนุญาตของภาษาโปรแกรม Turing Complete นักพัฒนา dApp ทั้งหลายจึงสามารถเขียนโค้ดเงื่อนไขต่างที่ซับซ้อน ให้ตัวแอปทำงานและควบคุมดูแลได้โดยอัตโนมัติ

  • โดยเชนนี้จะบันทึกประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมดไว้ในฐานข้อมูลที่มีลักษณะเป็นข้อมูลแบบสาธารณะ ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ และไม่ว่าใครก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้เสมอ มันจึงมีคนที่สามารถยืนยันข้อมูลได้นับหมื่นนับล้านคน
  • บล็อกเชนดั้งเดิมนี้ยังคงลักษณะเด่น อย่างการบันทึกสถานะล่าสุดของสัญญาอัจฉริยะทั้งหมดไว้ในระบบ ที่ขับเคลื่อนโดยบล็อกเชน และยอดคงเหลือของผู้ใช้ทั้งหมดให้สามารถโอนไปยังกระเป๋าเงินของผู้ใช้รายอื่นได้
  • ในโทเค็น ERC-20 ยังใช้วิธีการขุด หรือระบบฉันทามติแบบเดิม ที่เรียกว่าการพิสูจน์การทำงานด้วย Proof of Work เนื่องจากการแบ่งฮาร์ดฟอร์คออกไปเชนนี้จึงไม่ได้รับการอัปเดตให้เป็น ETH 2.0 ที่ใช้กระบวนการแบบ PoS นั่นเอง

ที่มา: Ethereum Classic คืออะไรและมันทำงานอย่างไร? [2]

ประโยชน์ของการใช้งาน บล็อกเชนอีเธอเรียมคลาสสิก

แม้จะมีช่องโหว่ที่ได้รับการแก้ไขไป และยังเป็นการทำงานแบบเก่า แต่ในส่วนของข้อดีทั้งหมดของบล็อกเชนดังกล่าว ที่เป็นบล็อกเชนเดิม มีการดำเนินการแบบดั้งเดิม มันจึงมีคุณลักษณะเฉพาะบางประการที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นเทคโนโลยีประจำเชน ที่ยังคงมีผู้ใช้เดิมเลือกที่จะทำงานร่วมกับเชนนี้อยู่ โดย ประโยชน์ทั้งหมดที่เครือข่ายนี้ทำได้ก็มีดังนี้

  • เปลี่ยนแปลงไม่ได้: ธุรกรรมทั้งหมดในส่วนของสัญญาอัจฉริยะ เมื่อเขียนและบันทึกไว้ในบล็อกเชนไปแล้ว มันก็จะไม่สามารถกลับไปแก้ไข หรือลบเขียนใหม่ได้ สิ่งนี้เองที่ทำให้ ETC แยกตัวออกไปเป็น ETH โดยข้อนี้เป็นการรักษาระดับการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง และยังเป็นการรักษาความสมบูรณ์ของรหัสที่มากขึ้นด้วย
  • กระจายอำนาจ: อย่างที่บอกไปว่าเชนนี้อาศัยขั้นตอนฉันทามติแบบเดียวกับบิตคอยน์คือ PoW มันจึงไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง มาช่วยทำธุรกรรมสามารถให้สมบูรณ์ เพราะมีคนที่เข้าไปตรวจสอบความถูกต้องให้ และยังสัญญาอัจฉริยะที่มีเงื่อนไขที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย และสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองเมื่อเงื่อนไขครบถ้วน
  • ธุรกรรมที่รวดเร็วและราคาไม่แพง: ด้วยกระบวนการตรวจสอบอัตโนมัติ และความหนาแน่นที่ไม่สูงเท่าเหรียญอันดับต้นๆ ของโลก มันจึงทำให้ธุรกรรมได้รับการประมวลผล และยืนยันอย่างรวดเร็ว พอมีความเร็วก็หมายความว่าไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่แพงเพื่อให้การยืนยันเร็วขึ้นอีกด้วย
  • ความน่าเชื่อถือที่กำลังกลับมา: บล็อกเชนนี้ในส่วนของการทำงานสัญญาอัจฉริยะ และธุรกรรมที่หลากหลาย จากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ปราศจากการแทรกแซงจากบุคคลที่สาม (การแฮก), หยุดทำงาน, การโกงต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือว่าเครือข่ายนี้กลับมาเชื่อใจได้แล้ว
  • ตั้งโปรแกรมได้อย่างอิสระ: ประโยชน์ที่มีทั้งในเชนเก่านี้ และเชนอีเธอเรียมนั้นก็คือการเขียนโค้ดอันซับซ้อนลงไปได้อย่างอิสระ หรือที่เรียกว่า Programable ทำให้นักพัฒนาสามารถเขียนแอปแบบกระจายศูนย์ หรือกำหนดเงื่อนไขการทำสัญญาอัจฉริยะได้หลากหลายแบบ

ที่มา: Ethereum Classic คืออะไรและมันทำงานอย่างไร? [2]

ราคา ETC กับรายละเอียดของมูลค่า และการจำกัดอุปทาน

ในรายละเอียดด้านราคาของเหรียญนี้ ในวันที่เขียนบทความ หรือวันที่ 20 กรกฎาคม 2024 ราคาต่อเหรียญก็อยู่ที่ 23.53 ดอลลาร์หรือแปลงเป็นไทยก็อยู่ที่ 855.32 บาท ต่อ 1 เหรียญ ซึ่งก็ถือว่าต่างกับเชนที่แยกตัวไปมาก แต่ในด้านมูลค่าตลาดก็นับมามีความนิยมที่ไม่น้อยเลย โดยเป็นเหรียญที่อยู่ในอันดับที่ 21 ของโลก ในส่วนของมูลค่า ซึ่งก็มีรายละเอียดดังนี้

  • มูลค่าตามราคาตลาด: 3.48 พันล้านดอลลาร์
  • ปริมาณการซื้อขายภายในหนึ่งวัน: 137.99 ล้านดอลลาร์
  • อุปทานหมุนเวียนของระบบ: 147.99 ล้านโทเค็น
  • อุปทานสูงสุด: 210.7 ล้านโทเค็น

ดูรายละเอียดของเหรียญนี้เพิ่มเติมที่ coinmarketcap

ความแตกต่างของ อีเธอเรียม กับ อีเธอเรียมคลาสสิก

ถึงแม้ ETC จะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลหรือโทเคนที่มีมูลค่าประมาณหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนต่างๆ ก็ยังแลกเปลี่ยน และสามารถซื้อขายกันได้แต่ ETH ก็ได้ได้รับการยอมรับ และซื้อขายกันแพร่หลายกว่าหลายเท่า ซึ่งในความแตกต่างของสองเหรียญนี้ถึงจะมีการทำงานที่ใกล้เคียงกันหลายจุดแต่ก็มีอีกหลายจุดที่ต่างกัน โดยนักลงทุนยังมีความกังวลในการใช้ ETC อยู่ 

มันจึงทำให้นักพัฒนาส่วนใหญ่เลือกพัฒนา แอปผ่านอีเธอเรียมอย่างเดียว ดังนั้นโปรเจกต์ต่างๆ ก็เกิดขึ้นมาบนอีเธอเรียมเป็นส่วนใหญ่ และในปี 2022 อีเธอเรียมยังได้เปลี่ยนระบบตรวจสอบความถูกต้องเป็น Proof of stake ที่ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าถึง 99% เป็นการอัปเกรดให้มีความรวดเร็วกว่าเดิม รองรับธุรกรรมได้มากขึ้น ขณะที่อีเธอเรียมคลาสสิกยังใช้แบบเดิมอยู่ [3]

ทีมเสาหลัก ที่กำลังพัฒนาระบบของอีเธอเรียมคลาสสิก

เพื่อให้ ETC blockchain ยังมีความน่าใช้ มันจึงจำเป็นต้องมีการอัปเดตอยู่เสมอ โดยเครือข่าย ก็มี 5 เสาหลักที่เป็นทีมพัฒนา โดยกำลังดำเนินการให้เชนนี้เดินทางไปตามเป้าหมายอย่างแข็งขัน ซึ่งก็ประกอบไปด้วยทีมพัฒนาดังนี้

  • Ethereum Classic Consortium

เป็นสมาคมที่ก่อตั้งขึ้นจากชุมชนของอีเธอเรียม ธุรกิจ และบุคลากรในวงการ crypto ต่างๆ เพื่อคอยเติมเชื้อเพลิงแห่งความเชื่อมั่น ส่งเสริมค่านิยมพื้นฐานของเครือข่ายนี้ รวมถึงการต่อต้านเปลี่ยนรูปแบบ และการมั่นคงในอุดมคติการกระจายอำนาจ 

  • ETC Cooperative

ผู้นำในการพัฒนาโปรโตคอลหลักๆ ในการพัฒนา และสร้างความมั่นใจในระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ให้สามารถนำโทเคนไปใช้ได้อย่างรวดเร็วโดยมีการทำงานร่วมกันของผู้บริโภค และหน่วยงานเชิงพาณิชย์ พร้อมมีความโปร่งใสในการกำกับดูแลที่ครบถ้วน

  • ETC Core

นี่คือทีมพัฒนาชั้นนำของโครงการนี้ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลไคลเอ็นต์ Core-Geth, โครงการแบ็กเอนด์การประมวลผล และรวมข้อมูลในการกำหนดโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งยังเป็นทีมงานการวิจัยโปรโตคอล และการอัปเดตในเวลาที่เหมาะสมด้วย

  • ETC Labs

มีหน้าที่หลักๆ คือการจัดหาเงินทุนที่จำเป็นสำหรับเครือข่ายนี้ และยังมีการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับสถาบันอื่นๆ และองค์กรเพื่อสร้างความสัมพันธ์สุดเหนียวแน่น

  • Gödel Labs

สตูดิโอที่ทำงานบน Web3 และสร้างระบบกระจายอำนาจ โดยเข้าร่วมกับเชนนี้ เพื่อเปิดตัวแอปพลิเคชัน โซลูชัน และผลิตภัณฑ์แบบกระจายศูนย์ขึ้นมาบริการผู้ใช้งานคริปโตทั่วไป

สรุป อีเธอเรียม คลาสสิก เชนดั้งเดิมที่ไม่ใช่ ETH แบบทุกวันนี้

อีเธอเรียม คลาสสิก

เครือข่ายใหม่จากผู้เห็นต่าง 3% ที่ไมได้แยกตัวไปสร้างเชนใหม่ที่จะทำการ Fork โดยมีจุดประสงค์เพื่อคงการทำงาน และวิธีการผลิตตามโร้ดแมพเดิมของมันต่อไป โดยเพิ่มห้อยคำว่า คลาสสิกตามมาด้วย ซึ่งยังสามารถเป็นเชนหลักในการสร้างเหรียญได้เหมือนเดิมพร้อมการขุดที่ยังเป็นแบบ Proof of work อยู่

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง