เหรียญ อินเจ็กทีฟ บล็อกเชนที่ออกแบบมาเพื่อ DeFi โดยเฉพาะ

เหรียญ อินเจ็กทีฟ

เหรียญ อินเจ็กทีฟ (Injective) โทเคน Layer 1 ที่มีจุดแข็งจากเทคโนโลยีของ เหรียญกลุ่ม DeFi ที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้ในตลาดคริปโต ซึ่งเครือข่ายนี้ เป็นบล็อกเชนที่สร้างขึ้นโดยใช้ Cosmos SDK ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานในด้าน DeFi ซึ่งยังเป็นเหรียญที่มีความเร็วในการทำธุรกรรมด้านการเงินที่สูงเป็นพิเศษ คือ 25,000 ธุรกรรมต่อวินาทีเลย

ประวัติ Injective ที่เปิดตัว mainnet สู่สายตาชาวโลกในปี 2021

เครือข่ายนี้ ถูกก่อตั้งมาโดย Eric Chen และผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนคือ Albert Chon ที่มีการริเริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2018 จนสามารถสร้าง Mainnet ของตนเองได้สำเร็จในปี 2021 ซึ่งผู้ก่อตั้งก็ยังมีประสบการณ์ที่หลากหลายในอุตสาหกรรมบล็อกเชน กระทั่งเป็นนักวิเคราะห์ แถมทีมพัฒนาคนอื่นก็ยังมาจากบริษัทชั้นนำหลายแห่งอย่าง Goldman Sachs, Amazon รวมไปถึง Tesla และอื่นๆ อีกมากมาย

โดยผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Albert Chon ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CTO ของเชนนี้ ซึ่งเขาสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์จากสแตนฟอร์ด และยังเป็นวิศวกรที่ทำหน้าที่พัฒนาซอฟต์แวร์อยู่ที่ Amazon ด้วย ส่วนในด้านของ Eric Chen ยังเคยทำงานเป็นนักวิจัยด้านคริปโตเคอร์เรนซี และมีการลงทุนในเหรียญที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น ChainLink และ Cosmos [1]

Ecosystem ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของ เหรียญ อินเจ็กทีฟ

การที่เครือข่ายนี้มีการรองรับการทำงานระหว่างเชนทั้งในด้านสภาพคล่องของ Liquidity จากความสามารถในการแชร์ Liquidity จากเชนอื่นได้ และด้วยความสามารถทำได้มากกว่าการส่ง Asset ข้ามเชน แต่ว่าสามารถรองรับ Cross-chain Application อื่นๆ มันจึงมี Ecosystem หลักๆ 2 อย่างที่เติบโตอย่างรวดเร็วดังนี้

  1. Chain Data 

หลังจากที่ได้เปิดตัวเชนหลักของตัวเองมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ซึ่งในตอนนี้ก็ถือว่าได้มีสถิติการใช้งานที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปี 2023 ถึงปัจจุบัน เชนนี้ และราคาของเหรียญก็มีการเติบโตของอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน โดยปัจจุบันมีจำนวนธุรกรรมสะสมกว่า 550 ล้านธุรกรรม จากผู้ใช้ที่มีจำนวนมากกว่า 490,000 คน และมีจำนวนเหรียญที่ถูกฝากไว้เพื่อ Stake มากกว่า 50% แล้ว

  1. DApps บน Injective

DApps และ Tools ต่างๆ ของเชนนี้โดยรวมในปัจจุบันก็มีมากถึงมี 200 กว่าโปรเจกต์ และในส่วนของ DApps ก็มีอยู่ราวๆ 30 DApps ที่สร้างบนเครือข่ายนี้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งส่วนมากจะเน้นไปในกลุ่มการเงินแบบกระจายอำนาจหรือ DeFi อย่างแอปสำหรับการเทรด การกู้ยืม, Yield Farming และอื่นๆ ซึ่งยอดเทรดรวมสะสมทั้งหมดก็มียอดรวมสะสมอยู่ที่ 27,000 ล้านดอลลาร์

ที่มา: เจาะลึก Injective: บล็อกเชนตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อ DeFi โดยเฉพาะ [2]

การทำงานของ เหรียญ อินเจ็กทีฟ ที่ใช้ในการพัฒนา Dapps

อินเจ็กทีฟเชนนี้ถูกสร้างขึ้น จากจุดประสงค์ดังที่ระบุไปข้างต้น ซึ่งจะช่วยในการผลิตแอปพลิเคชัน DeFi ซึ่งเชนนี้มันจึงสามารถตอบสนองความต้องการของเหล่าผู้ใช้ และนักพัฒนาแอปการเงินแบบใหม่นี้จากทั่วโลก จาก backend ที่สามารถทำงานร่วมกันได้ ทั้งแอปพลิเคชัน จากอินเจ็กทีฟเอง รวมถึงแอปจากเชน Cosmos, Ethereum, Solana ก็ได้อย่างไม่มีปัญหา

เครือข่ายนี้ยังมีการพัฒนาให้ดีขึ้นจากการที่ได้รวมเอากลไก ของแรงจูงใจที่แตกต่างกันหลายประการ อย่างเช่น ผู้ใช้ของเชนนี้ที่ส่งต่อโหนด และอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่สามารถรับรายได้สูงถึง 40% ของค่าธรรมเนียมการซื้อขายทั้งหมด ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่ค่อนข้างสูง และไม่เคยมีมาก่อนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเลย [3]

ราคา INJ ที่มาแรง และเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี 2024

ราคาต่อเหรียญของโทเคนนี้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและเห็นได้ชัด โดยในวันที่ 14 สิงหาคม 2024 ราคาของเหรียญนี้ก็อยู่ที่ราวๆ 18.97 ดอลลาร์ หรือประมาณ 663.32 บาทต่อเหรียญ ซึ่งอ้างอิงจากเว็บไซต์ coinmarketcap  และในส่วนของความนิยมก็เพิ่มขึ้นมาตามๆ กันจนทำให้เหรียญนี้อยู่ในอันดับที่ 44 ของโลก โดยมีมูลค่าตลาดทะลุ 1 พันดอลลาร์แล้ว

  • มูลค่าตามตลาดรวม: 1.86 พันล้านดอลลาร์
  • มูลค่าของตลาด 24 ชั่วโมง: 85.96 ล้านดอลลาร์
  • Supply หรือจำนวนเหรียญที่หมุนเวียนในระบบ: 97.62 ล้านโทเคน
  • Max Supply: ผลิตมาแล้วที่ 100 ล้านโทเคน และจะมีการสร้างใหม่ขึ้นได้เรื่อยๆ 

เข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับราคาเพิ่มเติมที่ coinmarketcap

อะไรที่ทำให้เหรียญ Injective นี้มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว

ในการทำงานนอกจากจะเป็นเหรียญที่ทำให้แอปต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมาสามารถทำงานร่วมกับเชนอื่นๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งในจุดเด่นอื่นๆ ก็ยังเป็นโทเคนที่สามารถทำได้อีกมาก และยังถือว่าเป็นเหรียญที่มีความเฉพาะตัวหากเทียบกับหลายๆ เหรียญที่ไม่มีคุณสมบัตินี้โดดเด่น

  • ความสามารถในการปรับขนาดสูง อินเจ็กทีฟมีการใช้โซลูชันที่มีการปรับขนาด ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมมีความรวดเร็วจากการปรับขนาดรองรับธุรกรรมได้ หมายความว่าผู้ใช้งานก็สามา