ลงทุน Crypto ลงเงินกับโลกกระจายอำนาจ

ลงทุน Crypto

ลงทุน Crypto กับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการรักษาความปลอดภัยในระดับหนึ่ง ด้วยการเข้ารหัส และมีการบันทึกธุรกรรมด้วยการกระจายข้อมูลไปได้หลายล้านก๊อบปี้ จึงยากแก่การแทรกแซง บทความนี้จึงมาอธิบายเกี่ยวกับ กลุ่มต่างๆ ของคริปโตที่แยกมาใหม่ และรุ่นบุกเบิก พร้อมพาไปแนะนำวิธีการลงทุนต่างๆ กับเทคโนโลยีเหล่านี้ ปิดท้ายด้วยภาษีตัวร้ายที่ตามมาแบ่งเก็บจากกำไรไป “พัฒนา” ประเทศ 

คริปโต และการแยกออกเป็นกลุ่มต่างๆ

ทุกวันนี้มีเหรียญเหล่านี้มากกว่า 9,600 เหรียญ ซึ่งแต่ละเหรียญแต่ละโปรเจกต์ ก็จะมีฟังก์ชันการใช้งาน จุดประสงค์ และเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน หัวข้อนี้จะเป็นการแยกประเภทเหรียญคริปโต ให้นักลงทุนทั้งมือใหม่ได้เห็นภาพชัดขึ้น ก่อนจะไปอ่านรายละเอียดและ เทคนิคการลงทุน ของแต่ละแบบดังนี้

  1. กลุ่มรักษามูลค่า (Store of Value) เหรียญที่มีปริมาณจำกัด ซึ่งยังมีการลดกำลังผลิต และเพิ่มกำลังซื้อได้ในระยะยาว ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าได้เรื่อยๆ 
  2. กลุ่มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) กลุ่มที่อนุญาตให้นักพัฒนาต่างเข้ามาเขียนโปรแกรมต่างๆ ลงในเชนได้ ซึ่งเป็นตัวกำเนิดแอป Defi ต่างๆ มากมาย
  3. กลุ่ม Stablecoin กลุ่มเหรียญที่มีความมั่นคงสูง โดยจะรักษามูลค่าตัวเองไว้ที่ 1 ดอลลาร์เสมอ โดยอ้างอิงจากเงินดอลลาร์ สินค้าโภคภัณฑ์ อ้างอิงด้วยคริปโตด้วยกันเอง และในอัลกอริทึมตัวเองในการควบคุมปริมาณ
  4. กลุ่ม DeFi ระบบการเงินไร้ตัวกลางที่สร้างโดยใช้ในแฟลตฟอร์มนั้นๆ โดยจะมีระบบของการกู้ยืม การฝากเอาดอกเบี้ย รวมไปถึงการขุดเหรียญด้วยการฝาก staking 
  5. กลุ่มส่งต่อมูลค่า (Value Transfer) ออกแบบมาเพื่อการทำธุรกรรมที่ไว โดยกลุ่มนี้จะเป็นตัวกลางการโอนเหรียญได้รวดเร็วที่สุด
  6. กลุ่ม GameFi กลุ่มเกม play to earn ต่างๆ โดยเป็นเหรียญที่สร้างมาเพื่อใช้งานเป็นหลักในโลกเสมือนจริง ถึงตอนนี้จะยังไม่เป็นที่นิยมมากก็ตาม
  7. กลุ่มเหรียญมีม (Meme Coins) กลุ่มเหรียญที่ผลิตขึ้นมาจากมีมดัง ในโลกโซเชียล โดยสร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกโดยเฉพาะ

ที่มา: คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร? พามือใหม่เข้าใจครบจบในที่เดียว! [1]

ลงทุน Crypto กับกลุ่มรักษามูลค่า

โดยการลงทุนกับบกลุ่มนี้ก็มีทั้งนักเทรดฝีมือดีที่เน้นเก็งกำไรระยะสั้น ซึ่งมีความเสี่ยงมากที่จะติดอยู่กับการขายไม่ออก หรือยอมขาดทุนไปทำกำไรกับเหรียญใหม่ และอีกกลุ่มที่มองการณ์ไกลโดยเน้นการถือครองไว้ระยะยาว ยกตัวอย่าง Bitcoin ที่เน้นถือรอช่วง bitcoin halving ไปเรื่อยๆ ทุก 4 ปี เพราะทุกครั้งที่เกิดก็จะมีการปรับเพดานขึ้นไปเรื่อย และรอกินกำไรจำนวนมาก แบบไม่สนว่าจะขึ้นหรือลงในระยะสั้น

  • การลงทุนระยะยาว นักลงทุนสายนี้จะเรียกว่า Hodl ที่ย่อมาจาก Hold on for dear life เป็นการถือเหรียญนั้นๆ ไปแบบไม่หวั่นไหวอะไร อาจจะถือเป็นเป็นปี หรือ 10 ปีโดยไม่ขาย ไม่ว่าราคาตลาดจะเป็นเช่นไร ซึ่งสิ่งที่สายนี้ต้องคำนึงคือ ภาพรวมเทคโนโลยีของเหรียญที่ถือ ว่ามีโอกาสที่จะเติบโตมากน้อยเพียงใด เงื่อนไขการผลิตที่ให้มูลค่าไปไกลขนาดไหน
  • การเทรด การทำกำไรที่ใช้โอกาสระยะสั้นจากความผันผวนของราคา ซึ่งยิ่งมีความผันผวนก็อาจทำกำไรได้หลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ตามมาด้วยความเสี่ยงที่มากพอตัว และในกลยุทธ์การเทรดก็มีหลากหลายแบบให้ใช้กันมาก ซึ่งต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะคาดการณ์ราคาเหรียญได้อย่างแม่นยำที่สุด

ที่มา: คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร? พามือใหม่เข้าใจครบจบในที่เดียว! [1]

ลงทุนกับกลุ่ม Defi และตัวอย่างบริการ

โดยกลุ่ม Defi  ก็จะเป็นแอปที่พัฒนามาจาก โปรเจกต์ใน block chain อีกที ที่เราสามารถนำเหรียญที่เรามีไปทำกิจกรรมต่างอันก่อให้เกิดรายได้ อย่างดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม การฝากรับเหรียญตามระบบ Proof of stake ซึ่งก็จะมีรายละเอียดบริการดังนี้ 

  • ให้กู้ยืม: ระบบที่ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินดิจิทัลแล้วเราก็รับดอกเบี้ย พร้อมรางวัลในทุกๆ นาที ไม่ใช่หนึ่งครั้งต่อเดือน ซึ่งไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ ประกอบ ในฝั่งผู้ขอกู้ก็เช่นกัน และไม่มีตัวกลางใดๆ อย่างธนาคาร
  • การ stake การฝากเหรียญเข้าไปกับแพลตฟอร์มต่างที่รองรับการ Stake และจะมีการล็อกไว้ เพราะมันจะถูกนำไปใช้ในกระบวนการตรวจสอบธุรกรรม Proof of Stake ซึ่งผลตอบแทนจะอยู่ในรูปแบบของดอกเบี้ย
  • ซื้อขาย: การเสนอซื้อขายกัน 2 ฝ่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ซึ่งสามารถซื้อขายกันได้เหมือนกับการซื้อ-ขายหุ้นโดยไม่ผ่านโบรกเกอร์ โดยผ่านสัญญาอัจฉริยะ ที่ไร้ตัวกลาง ไว้ใจได้ด้วยระบบที่จะตั้งเวลาโอนพร้อมกันสองฝ่ายให้เอง
  • เก็บออมเพื่ออนาคต: สามารถนำเหรียญที่ถือบางส่วน ย้ายไปเก็บไว้ได้แบบบัญชีออมทรัพย์ในแพลตฟอร์มต่างๆ พร้อมรับดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารให้เสียอีก

ที่มา: DeFi คืออะไร [2]

การลงทุนอื่นๆ ในธุรกิจ Crypto และ NFT 

นอกจากจากมีวิธีสร้างรายได้จากหลายวิธีก่อนหน้าแล้ว ยังมีวิธีอีกมากมายในกลุ่มอื่นๆ อย่าง Gamefi โลกเสมือน และ NFT อีกด้วย ซึ่งนักวาด นักแต่งเพลง ก็สามารถลงผลงานตัวเองในรูปแบบ NFT ได้ หรืออสังหาก็สามารถใช้เป็น NFT ได้ทั้งของจริง และโลกเสมือน ทั้งคนดังต่างๆ ก็สามารถออกเหรียญของตัวเองได้ในลักษณะของ Token NFT 

NFT และเกม Play To Earn ที่เป็นแชร์ลูกโซ่เกือบทั้งหมด 

อีกหนึ่งเกมบนบล็อกเชนที่ให้รางวัลด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นรูปแบบ Token NFT, สกินตัวละคร หรือคริปโต โดยจะได้รับจากการพิชิตด่าน การฟาร์ม ปลูกของในเกม เข้าร่วมการแข่งขัน หรือแค่เข้าเล่นเกม สิ่งของต่างๆ แถมยังสามารถนำไปขายในตลาดดิจิทัล โดยโมเดลพื้นฐานเบื้องหลังของ เกม Play To Earn ส่วนมากก็คือการเอาเงินลงทุนของคนมาหลังไปจ่ายเป็นปันผลของคนมาลงทุนก่อน [3]

ข้อมูลภาษีคริปโต อีกสิ่งที่ต้องเสียในวงการนี้

  • ได้กำไรจากการขาย โอน หรือส่วนต่างการแลกเปลี่ยนคริปโต จะนับเป็นเงินได้ ในประเภท 40(4)(ฌ) ยื่นภ.ง.ด.90 (การขุดเหรียญยังไม่ถือเป็นเงินได้)
  • แต่หากขาย โอน กับแลกเปลี่ยนเหรียญที่ขุดมาได้ กำไรที่ได้ก็จะคิด เป็นเงินได้ประเภท 40(8) ยื่นภ.ง.ด.90
  • รับคริปโตเป็นเงินเดือน นับเป็นเงินได้ประเภทแบบเงินเดือน 40(1) ยื่น ภ.ง.ด.90/91
  • ได้รับคริปโตเป็นค่าจ้างเป็นเงินได้ประเภท 40(2) ภ.ง.ด.90/91
  • ได้รับคริปโตจากรางวัลต่างๆ นับเป็นเงินได้ประเภท 40(8) ภ.ง.ด.90
  • มีผลตอบแทนจากการถือครองคริปโต เป็นเงินได้ประเภท 40(8) ภ.ง.ด.90
  • มีผลตอบแทนจากการถือครองโทเคนดิจิทัล (ยังไม่ได้ขาย แต่มีมูลค่าเพิ่ม) เป็นเงินได้ประเภท 40(4)(ซ) ภ.ง.ด.90

ที่มา: คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร? พามือใหม่เข้าใจครบจบในที่เดียว! [1]

สรุป ลงทุน Crypto การลงทุนที่มีหลายรูปแบบ

ลงทุน Crypto

ลงทุน Crypto อีกหนึ่งการลงทุนใหม่ของโลกที่เติบโตขึ้นจาก เทคโนโลยีที่ชื่อว่าบล็อคเชน ซึ่งก็มีทั้งเหรียญที่มีมานาน และเหรียญใหม่ๆ พร้อมธุรกิจจากการเงินแบบ Defi ที่จะสร้างรายได้ง่ายๆ จากการปล่อยกู้ และฝากกินดอกเบี้ยต่างๆ ที่ได้มากกว่าธนาคาร

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง